Games News

“กัน นภัทร” เผยสาเหตุร้องไห้ เหมือนได้ปลดล็อกปมในใจ รู้ตัวเคยไม่ดีพอ

“แก้ม วิชญาณี” โต้ทะเลาะ “ตั้ม-โดม” เตรียมคัมแบคงานเพลง แม้ใจยังไม่ร้อย

สรุปประเด็น "สไมล์ เดอะสตาร์" ดราม่าถูกโขกสับใช้ทำรายงานให้ดารารุ่นพี่

เอาทำหลายคนตกใจ เมื่อนักร้องหนุ่มเสียงดีกัน-นภัทร อินทร์ใจเอื้อหรือ กัน เดอะสตาร์ โพสต์ภาพกำลังร้องไห้และเขียนข้อความระบายความรู้สึก ลงอินสตาแกรมส่วนตัว หลังจากได้ไปเปิดใจในรายการทางออนไลน์ของรุ้นน้องร่วมค่าย “ตั้ม วราวุธ” และ “โดม จารุวัฒน์” ถูกเผยแพร่ออกมา

โดยมีโอกาสได้เจอกับหนุ่ม “กัน” ที่มาโปรโมตเพลง “ฝันที่แปลว่าเธอ” เพลงจากละคร “ไมโครโฟนม่วนป่วนรัก” ที่รับบทพระเอก ซึ่งเจ้าตัวเคลียร์มาว่า

ถามถึงโพสต์เมื่อวานคำพูดจาก สล็อตวอเลท?

“ตอนแรกผมก็ไม่กล้าโพสต์ พอหลังจากรายการออนไป ผมไม่ได้จะเข้าไปอ่านคอมเมนต์อยู่แล้ว รู้ว่าต้องมีทั้งดีไม่ดีอยู่แล้ว “ตั้ม-โดม” ก็ส่งมาให้ผมเช็คเทปก่อนนะ ในใจผมก็คิดไว้อยู่แล้ว เพราะสิ่งที่เราเคยเจอมา อย่างที่พูดไปในคลิปรายการว่าถึงจะมั่นใจว่าจะเป็นคอนเทนต์ที่ดีมากก็ตาม แต่ก็ต้องมีว่าทำไมแรงจัง ใจร้ายจัง ฯลฯ แล้วก็เห็นหลายๆ คนที่ไปออกมาก็ยิ่งใหญ่อลังการ ตั้มบอกเชื่อผมว่าดี ผมก็เชื่อน้อง”

พอเข้าไปอ่านคอมเมนต์แล้วเป็นยังไงบ้าง?

“ตั้มโทรมาบอกว่าให้เข้าไปอ่านคอมเมนต์หน่อย ตอนแรกผมเลือกที่จะไม่อ่าน แต่พอตั้มโทรมาก็เข้าไปอ่าน น้องสองคนบอกแต่แรกแล้วว่าผมจะทำให้คนเข้าใจพี่มากขึ้น ในสิ่งที่คนอาจจะไม่เคยรู้มุมนี้ แล้วมันก็เป็นมุมที่ผมอยากพูดอยู่แล้ว อย่างเรื่องความรักก็เป็นสิ่งที่อยากพูดเหมือนที่พูดไปในรายการ”

อะไรที่ทำให้เรารู้สึกว่าพร้อมที่จะพูดแล้ว หรืออะไรที่ทำให้ตัดสินใจโพสต์ความรู้สึก?

“ผมไม่ค่อยได้เห็นคอมเมนต์แบบนี้มานานมากแล้ว คอมเมนต์ที่ไม่ใช่แฟนคลับเรา เพราะแฟนคลับเราเขาจะให้กำลังใจเราด้วยความรัก ผมขอบคุณพวกเขาเสมอ แต่อันนี้เป็นคอมเมนต์ของคนข้างนอกที่ไม่ได้ติดตามผม หรือคนที่เคยติดตามแล้วก็ไม่ได้ติดตามแล้วจากกระแสหรือจากข่าวอะไรที่ผ่านมา เขาเข้ามาคอมเมนต์ ซึ่งเราเองก็ตั้งใจอ่านมากๆ ผมรู้สึกว่ามันดีจัง ผมยิ้ม น้ำตาก็ไหลออกมา ก็เลยเก็บภาพไว้หน่อย (ยิ้ม) แล้วก็ส่งให้น้องดู น้องๆ ก็ดีใจที่ทำให้คนเข้าใจผมมากขึ้น ผมก็ขอบคุณน้องไม่คิดว่าจะทำให้ผมรู้สึกดีได้แบบนี้ แล้วก็มีแรงที่จะทำอะไรดีๆ ไม่ได้สนใจหรือต้องแคร์อะไรมากจนเราไม่มีความสุขอีกแล้ว ก่อนจะโพสต์ลงก็ถามตั้ม เพราะยังไม่มั่นใจในตัวเอง (หัวเราะ) แล้วน้องก็ด่าผมกลับมาว่าพี่เลิกไม่มั่นใจในตัวเองได้แล้ว ไม่ได้ทำใครเดือดร้อน เป็นตัวพี่ก็พอ ผมก็เลยโพสต์ลง”

คอมเมนต์ไหนที่เราไม่เคยได้รู้ ได้เห็นว่าเราเป็นแบบนี้อย่างที่คิด?

“ส่วนใหญ่จะเป็นคอมเมนต์ที่คนเคยติดตามแง้วเลิกติดตาม เขาจะมาคอมเมนต์ว่าพอได้ฟังแล้วเข้าใจนะ ไม่ได้เป็นคำชม แต่ส่วนใหญ่จะเป็นคำที่เราเห็นว่าเข้าใจจากสิ่งที่เราพูดจริงๆ ว่าคนเราผิดพลาดกันได้ วันนี้ออกมายอมรับแล้วก็จะปรับปรุงมัน เข้าใจในสิ่งที่อยากทำ แล้วบางอันที่บอกว่าพอได้ฟังแล้วก็ไม่ได้เป็นคนที่เลวร้ายอย่างที่คิด คำนี้เราอยากให้คนดูได้รู้สึกแบบนี้ จริงๆ ผมไม่ได้เป็นคนเลวร้าย แต่ภาพที่ออกมาไปทำให้คนมองผมเป็นแบบนั้น”

ตกใจกับคำที่เขาพูดไหมว่าไม่ได้เป็นคนเลวร้ายขนาดนั้น?

“ถ้าเป็นเมื่อก่อนคิดว่าคำนี้แรงมาก แต่ว่าก็เข้าใจได้กับการที่เขามาบอกในวันนี้ เพราะจากคนที่เขารู้จักเราแค่ผิวเผิน แต่เขามารู้จักเราจากอะไรก็ไม่รู้ที่ทำให้เขาคิดแบบนั้นไปแล้ว วันนึงเขามาพูดคำนี้กับเราว่าจริงๆ กันก็ไม่ได้เป็นคนเลวร้าย ซึ่งถ้าคนที่เป็นแฟนคลับผมจริงๆ เขาจะไม่ใกล้เคียงกับคำนี้เลย แล้วกับแฟนคลับที่อยู่ด้วยกันมา 13 ปีก็ร้องไห้หมดเลยที่ได้ฟังผมพูด แต่คนภายนอกเขาก็จะมองว่าผมไม่ได้เเป็นคนเลวร้ายขนาดนั้น จากที่เห็นจากข่าวหรือกับสิ่งที่รับรู้สะสมๆ มา ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็คงตกใจมากกว่านี้ที่ได้ยินคำนี้ แต่ทุกวันนี้อะไรก็ได้ที่ทำให้เขามีพลังดีๆ ขึ้นมาจากเรา อย่างบอกในคลิปว่า ‘ไม่ต้องรักผมมากขึ้น แต่เกลียดผมให้น้อยลง’ ครับ”

คนภายนอกที่เขาไม้ได้มาติดตามเรา และพอเขาได้ดูคลิป เขาคอมเมนต์กันไปในทิศทางไหน?

“ก่อนที่คลิปจะปล่อยออกไป ผมก็คิดว่าแก้ตัวไปก็เท่านั้น แต่พอเราได้มานั่งดูตัวเองเหมือนเราพูดระบายกับน้องเราจริงๆ มันออกมาจากใจเราจริงๆ ไม่ได้ประดิษฐ์คำพูดอะไร คนดูคงเห็นได้ว่าข้างในลึกๆ เราเป็นยังไง ถามว่าถ้าพูดไปแล้วคนยังไม่เห็นด้วย ผมก็เตรียมใจไว้แล้วว่าเท่าเดิม ก็คงไม่เข้าไปอ่านอะไร ทำงานของเราต่อไป แค่ว่าเราได้พูดออกไปแล้ว”

เรื่องไหนที่เล่าในรายการ แล้วรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก?

“คงเป็นเรื่องความรักครับ ที่ผมได้เรียนรู้จริงๆ แล้วที่ผ่านมาก็รู้สึกเข้าใจสิ่งนี้ตลอด ดีใจที่ได้พูดออกมา เพราะไม่เคยได้พูดที่ไหนเลย มันเหมือนกับสิ่งที่เราทำไปไม่ต้องไปโทษใคร มันคือตัวเราเองที่ทำให้ความรักไปต่อไม่ได้ในทุกๆ ความรักที่ผ่านมา แล้วก็อยากแก้ไขมันถ้าวันนึงได้มีความรักอีกครั้งนึง เพราะผมเป็นตัวกลางทีาไม่ดีจริงๆ แต่พอได้เรียนรู้จากคนอื่นๆ มีบางคู่ที่ความสัมพันธ์แบบผมเลย เขาก็แชร์ประสบการณ์ของเขามา เขาสู่ยิ่งกว่าผมอีก แต่เราไม่ได้สู้อะไรเลย ผมก็ได้เรียนรู้ พอได้พูดก็สบายใจ”

ที่บอกว่าสู้ในเรื่องของความรัก ในแง่ไหนที่ต้องสู้?

“ผมจะเป็นคนที่มีอะไรบอกคุณพ่อคุณแม่หมด บอกครอบครัว ปรึกษาหมดทุกเรื่อง การที่ผมรู้สึกว่ามีอะไรเกิดขึ้นแล้วต้องไประบาย ต้องไปหาคนที่อยู่ข้างเรา ซึ่งพ่อแม่ยังไงก็อยู่ข้างเราอยู่แล้ว ผมแค่รู้สึกว่าเราไม่ได้สู้ตรงนี้ พอโตขึ้นควรแก้ปัญหาด้วยตัวเองก่อนที่จะหาพวกพ้อง ถ้าไม่ไหวค่อยปรึกษาเขา มันก็ไม่ผิดที่จะปรึกษาคนใกล้ตัว แต่ผมมองว่าผมไม่หนักแน่นพอ บางทีพอเรามีปัญหากับคนที่เรารัก แล้วเราเอาทุกเรื่องที่เราเผชิญมา เหมือนไประบาย ไปบอกกล่าวเขา เมื่อก่อนคิดว่าบอกอะไรพ่อแม่เป็นอะไรที่ดี แต่บางเรื่องการที่เราไปบอกเขามีความรู้สึกหรือทีมีความคิดกับบุคคลที่สาม ที่เรากล่าวถึงในสิ่งที่เราอยากให้เป็น ทะเลาะกันมาต้องอยู่ข้างเรานะ นั่นคือสิ่งที่ผิด อันนี้ผมทำได้ไม่ดีในตอนนั้น ผมเป็นตัวกลางที่ไม่ดี อย่างที่บอกว่าไม่ผิดที่เขาจะเข้าข้างเรา แต่เขาจะมองบุคคลที่สามไม่ดี เราไม่สู้พอ ไม่แข็งแกร่งพอที่จะแก้ปัญหาเหล่านี้เองก่อน”

อยากกลับไปขอโทษอะไรกับเรื่องราวที่ผ่านมาไหม หรืออะไรที่พูดแล้วปลดล็อก?

“อยากขอโทษในทุกสิ่งที่ทำให้มันไม่ได้ไปต่อในความตั้งใจ ในทุกๆ ความรักที่เกิดขึ้น รวมถึงไม่ใช่แค่ความรักที่เกิดขึ้นจากคนสองคนด้วย ความรักจากแฟนๆ ด้วย บางครั้งเราก็เคยรู้สึกทำอะไรที่มันวู่วาม หรือทำอะไรที่ไม่ได้สู้ ไม่ได้ฟังเขาให้ละเอียดถี่ถ้วนแล้วก็ตัดสินเขาไปด้วยความใจร้อน ด้วยความเด็กของเรา ในทุกๆ ความรักที่เกิดขึ้น ตอนนี้เราเรียนรู้หมดแล้วว่าจริงๆ แล้ว มันสามารถทำได้ดีกว่านี้อีกเยอะมากๆ ก็คงจะทำในอนาคตให้ดีขึ้น”

แฟนคลับที่ติดตามเรามานาน ที่เขารู้จักนิสัยเรา เขาว่ายังไงบ้างพอได้ดูรายการ?

“เขาก็บอกว่าดีใจที่กันได้พูดออกมา แล้วก็ได้พูดสิ่งที่อยากพูดออกมาสักที แล้วก็ดีใจที่เราโตขึ้นมากๆ จากที่ได้ดู แล้วเขาก็จะเป็นกำลังใจให้ต่อไปเรื่อยๆ มันจะมีคำว่า ภูมิใจ และ ดีใจ กับคนที่อยู่มาด้วยกัน แล้วก็ยืนยันว่ารักคนไม่ผิดอะไรงี้”

มันดีใจแค่ไหนที่เขาเคารพการตัดสินใจของเราทุกอย่าง ไม่ว่าเขาจะเห็นด้วยหรือไม่ แต่เขาก็ยังอยู่ข้างเรา?

“สิ่งนี้มันเกิดขึ้นมาตลอดอยู่แล้ว แล้วเราก็ขอบคุณเขาทุกครั้งอยู่แล้ว ไม่ว่าเขาจะเจอกับอะไรที่ถาโถมมาเหมือนเรา เขาก็จะพร้อมสู้ไปกับเรา ซึ่งต้องขอบคุณกลุ่มคนเหล่านี้มากๆ ที่อยู่เคียงข้าง เคียงบ่าเคียงไหล่กันมาตลอด”

เคยถามเขาไหมว่ามันโอเคไหม หรือรู้สึกยังไง?

“ไม่เคยถามครับ อย่างที่บอกว่าผมเป็นคนที่ค่อนข้างเก็บ ไม่ว่าเจออะไรมาจะไม่ค่อยได้แชร์อะไรกับใครเท่าไหร่”

เหมือนพยายามมอบแต่ความสุข ไม่อยากให้เขาทุกข์ไปกับเรา?

“ใช่ครับ ส่วนใหญ่ผมจะบอกด้วยซ้ำว่าสู้ๆ นะ ในวันที่เราโดนมานะ จะเห็นตาเขาแล้ว เขาทุกข์ไปกับเรา ก็บอกเขา สู้ๆ นะ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป ซึ่งเขาควรจะบอกเรานะ แต่เราเห็นเขารักเราและเขาก็เสียใจเหมือนเรา พอเราออกมาน้ำตาเขาไหลอ่ะ เราก็ เห้ย..ยังมีแรงมาให้เราอีกหรอ ก็จะเป็นแบบนี้”

ในรายการมีประโยคนึงที่พูดบ่อยมากคือ 'รู้สึกว่าตัวเองไม่ดีพอ' ทั้งที่เมื่อก่อนเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเอง?

“ก็หลายๆ อย่างครับ กระแสที่คนอื่นมองเข้ามา เราไปอ่านคอมเมนต์ พันกว่าเมนต์เนี่ย เราทั้งหมดเลยอ่ะ แทบจะ 100% เพจอะไรที่เป็นอันดับต้นๆ อ่ะ เราเลยรู้สึกว่าเวลาเราไปเจอคนที่น่าจะอ่าน คนกลุ่มเด็กวัยรุ่น โห..อ่านแน่ๆ เราไม่กล้ามองเขานะบางทีอ่ะ เราไม่กล้ายิ้มให้เขาด้วยซ้ำนะเมื่อก่อนอ่ะ เขาอาจจะเป็นหนึ่งในพันคอมเมนต์ที่ว่าเราก็ได้ เราคิดไปเอง เรากลังไปหมดอ่ะครับ”

แล้วทำยังไง พออ่านแล้วไปคิดว่าเขาเกลียดเราแน่ๆ?

“กลับบ้านมานั่งนิ่งๆ ทำสมาธิ สวดมนต์ จริง ผมหายไปช่วงนึงเลย ไม่ได้หายจากการทำงานนะ หายจากโลกโซเชียลไปอยู่กับตัวเอง ไหว้พระ สวดมนต์ เล่นพระช่วงนึง (หัวเราะ) จริงๆ ถ้าผมไม่มีกิจกรรมเยอะๆ แบบนี้ผมว่าผมหนัก ฟุ้งซ่าน ผมต้องหาอะไรมาทำ ปลูกต้นไม้เอย แม่เลยไม่ด่าไงเวลาซื้อต้นไม้แพงๆ มา เล่นจักรยาน เตะฟุตบอล กิจกรรมเยอะ”

มันเคยถึงขั้นเราจะพอจากวงการไหม?

“เคยๆ เคยคิดถึงขั้นว่าปล่อยเพลงแล้วไม่เอารูปเราเป็นหน้าปกไหม หรือไม่ต้องมีเราในเอ็มวีเลยไหม ปล่อยแบบใต้ดิน เผื่อจะดีขึ้น เคยคิดกับทีมนะ คือถ้าเพลงมันดีจริงอะมันอาจจะมีคนฟัง”

อะไรทุกวันนี้ที่มันฮีลใจหรือทำให้เรากลับมามีความมั่นใจเพิ่มขึ้น อาจจะเป็นกันเวอร์ชันใหม่ที่มีประสบการณ์มากขึ้น ณ วันนี้มันเป็นอย่างนั้นไหม?

“มันเป็นอย่างนั้นครับ คือผมไม่ได้ขอบคุณแค่เมื่อวานหรอกที่เราได้ออกรายการ แต่เราขอบคุณคนรอบข้างผมที่ผมได้เจอเขา ได้เรียนรู้จากเขา แล้วก็ได้ให้ความสุข เขาก็ให้ความสุขผมกลับมา ผมโชคดีที่ได้ทำงานกับคนที่น่ารักมากๆ หลายๆ คนในช่วงปีที่ผ่านมา แล้วผมก็ได้เรียนรู้ว่าชีวิตจริงเราไม่ต้องมีคนรักเยอะก็ได้ เรามีคนรักไม่กี่คน ชีวิตผมไม่ได้มีเพื่อนเยอะเลย เรามีคนที่มีคุณภาพคนที่เราอยากให้มีความสุขไม่กี่คนเท่านี้แล้วเราดูแลเขาให้เต็มที่เรายังมีเวลาให้เขาไม่พอเลย แล้วทำไมเราต้องมีคนรักเยอะขนาดนั้น เราคิดให้มันแคบลงก็ได้ ประสบการณ์เราได้จากผู้ใหญ่หลายๆ คน เราเจอเขามาได้ทำงานดีๆ อย่าง เฮียโน้ส อุดม , พี่ก้อง ห้วยไร่ , พี่เอกชัย ศรีวิชัย , พี่สิงโต นำโชค เพื่อนๆ ในละคร ตั้ม โดม ขอบคุณบุคคลเหล่านี้ พี่บอยที่ 13 ปีก็ยังให้งานผม ให้โอกาสผมอยู่เรื่อยๆ ถึงแม้ว่าผมจะงอแงไปบ้าง เขาก็บอกผมตั้งแต่วันแรกแล้วว่าต้องสู้บ้างนะ แต่เราก็ยังเคยชินกับการที่ให้คนอื่นช่วยสู้ แต่วันนี้เราสู้ด้วยตัวเอง”

เปิดประวัติ "พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล" ผบ.ตร.คนที่ 14

โปรแกรมการแข่งขัน เอเชียนเกมส์ 2022 ของนักกีฬาไทย วันที่ 28 ก.ย. 66

เปิดปฏิทินวันหยุดตุลาคม 2566 เช็กวันหยุดราชการ-วันสำคัญ