วันที่ 17 ส.ค. 2566 นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. พรรคก้าวไกล และรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล ที่เห็นว่า แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี คือ บุคคลที่จะต้องเข้ามาทำงาน ให้ประชาชนในอีก 4 ปี ข้างหน้า เพราะฉะนั้นทิศทางในการทำงานของ ว่าที่นายกรัฐมนตรีเป็นอย่างไร ก็ควรให้ผู้แทนของประชาชนได้สอบถาม ซึ่งที่ผ่านมาการโหวตนายกรัฐมนตรีครั้งแรก ก็ได้มีการซักถามกันเป็นวงกว้าง ทั้งแนวคิด และแนวทางปฏิบัติในการทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี
เช็กเสียง! หนุนเพื่อไทย แนวโน้มผ่านฉลุยเข้าทำเนียบ
"วันนอร์" เคาะ! โหวตนายกฯ 22 สิงหาคม นี้ ลุ้นจะได้ฟังวิสัยทัศน์ "เศรษฐา" หรือไม่
ซึ่งการโหวตนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 ที่จะมีการเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน และหากมีสมาชิกจะสอบถามในสภา ก็สามารถเข้ามาชี้แจงได้ เนื่องจากประธานสภาฯ มีอำนาจในการเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจงได้
ส่วนการอภิปรายคุณสมบัติแคนดิเดทนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกลเตรียมตัวอย่างไร นายณัฐชา ระบุว่า อาจจะไม่ได้สอบถามมากนัก เนื่องจากได้ประชาชา ได้ตัดสินใจผ่านการเลือกตั้งมาแล้ว
นายณัฐชา ยังระบุถึงทิศทางการโหวตแคนดิเดทนายกรัฐมนตรี ว่า พรรคก้าวไกล มีความเห็นจะไม่โหวตสนับสนุน แคนดิเดทนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย เนื่องจากเป็นความคลุมเคลือของการจัดตั้งรัฐบาล
ส่วนจะโหวตไม่เห็นชอบ หรือ งดออกเสียง ก็ยังรอเวลา เนื่องจากยังอยู่ในช่วงที่พรรคเพื่อไทย รวบรวมเสียง ยังไม่เห็นหน้าตารัฐบาลใหม่ได้ จึงให้โอกาสจนวินาทีสุดท้าย แต่ถ้าหากยังเห็นความไม่ชัดเจนของหน้าตารัฐบาล พรรคก้าวไกลก็จะโหวตไม่เห็นชอบ
เมื่อถามว่า มองกระแส นายเศรษฐา เทียบกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มองว่านายเศรษฐาดีกว่าหรือไม่ นายณัฐชา ตอบว่า พรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล นโยบายหาเสียงนั้นใกล้เคียงกัน ความประสงค์ของประชาชน หลังจากการเลือกตั้ง ต้องการให้พรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกลร่วมกันจับมือ ในการจัดตั้งรัฐบาล แต่เสียงที่มาเป็นอันดับ 1 เป็นของพรรคก้าวไกล แต่ถ้าหากวันใดวันหนึ่งเสียงสนับสนุนเป็นของพรรคเพื่อไทย ก็จะต้องสนับสนุนแคนดิเดทของพรรคเพื่อไทยเช่นกัน แต่ไม่มีความเป็นไปได้แน่นอนว่า พรรคก้าวไกล จะไปสนับสนุนแคนดิเดทนายกรัฐมนตรี พรรคพลังประชารัฐ หรือเห็นว่า แคนดิเดทนายกรัฐมนตรี พรรคพลังประชารัฐนั้นดีกว่า
กรณี ที่มีคน บอกว่า การที่ก้าวไกล ไม่โหวตให้เพื่อไทย ผิดกับคำพูดที่เคยบอกว่า จะปิดสวิทช์สว. นายณัฐชา มองว่า วาทะกรรมที่บอกว่า พรรคก้าวไกล ต้องโหวต เพื่อปิดสวิทช์ สว.นั้นไม่ใช่ เนื่องจากสว.ใช้กลไกอำนาจคือ ไม่โหวตให้เสียงสนับสนุนอันดับ 1 ของประชาชน แต่ในความเป็นจริงการปิดสวิชท์สว. คือ ให้สว. ไม่มีความหมายในการโหวตนายกรัฐมนตรี และใช้เสียงสภาล่างในการโหวตนายกรัฐมนตรีอย่างเดียว ให้ สส.มีอำนาจมากกว่า
แต่ตอนนี้ สว.ประสบผลสำเร็จ คือ การไม่โหวตให้แคนดิเดทนายกรัฐมนตรีที่มาจากเสียงประชาชนเป็นอันดับ 1 และใช้กลไกลในการบีบ โดยบอกว่า จะไม่โหวตให้พรรคนั้น พรรคนี้ แล้วบอกว่า ให้พรรคการเมืองกลัวสว. โดยไปโหวต แล้วมาบอกเราว่า นี่คือการปิดสวิทช์สว.ซึ่งตัวเองคิดว่าไม่ถูกต้อง และเป็นการบีบทางอ้อม และร่วมกันปิดสวิทช์ก้าวไกลมากกว่า
ช่วงท้าย นายณัฐชา ยังบอกว่า หากมีช่องทางในการเสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และแคนดิเดทนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกลอีกครั้ง ก็จะทำ เพราะได้รับมอบหมายจากประชาชน ไม่สามารถล้มเลิกได้ง่ายๆ และ ยืนยันจะต่อสู้ เพื่อความต้องการของประชาชน แต่ต้องยอมรับว่า เสียงนั้นไม่พอ แต่ก็ถือเป็นการพิสูจน์ว่า เลือกตั้งนั้นสำคัญ และ การตัดสินใจเลือกพรรคการเมือง หรือใครเข้ามาหน้าที่ ต้องสังเกตดีๆ ในการโหวตครั้งนี้ ว่า ตอบโจทย์ความต้องการได้หรือไม่ หรือสามารถเข้ามาทำหน้าที่ในสภา และโหวตนายกรัฐมนตรี ตามความต้องการได้หรือไม่คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง